หน้าเว็บ

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555


แนวคิดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคต (Concept Phone)

1. Oho-idea สำหรับแนวคิดแปลกใหม่น่าสนใจของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคตหรือ Concept Phone ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ไม่ยึดติดกับรูปร่างลักษณะแบบเดิมๆ ของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ตอบสนองผู้ใช้งานและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีใน อนาคต
Weather Cell Phone Concept : แนวคิดเพื่อบอกสภาพดินฟ้าอากาศ
แนวคิดมือถือ โทรศัพท์มือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather Cell Phone Concept) มีแนวคิดและจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุ โปร่งใส ขนาดบางเฉียบ หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย
ผลงานการออกแบบของ Seunghan Song




2.Mobile script Concept : แนวคิดหน้าจอระบบ สัมผัสที่สามารถดึงเข้า-ออก
โดย แนวคิดโทรศัพท์มือถือร่วมสมัย เพื่อต้องการความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 9.5 นิ้วที่สามารถดึง เข้า-ออกจากตัวเครื่องด้านข้างได้ หรือที่เรียกว่า "Script Concept" ซึ่งเหมือนวิธีการ ส่งสาร จดหมายสมัยโบราณ ที่ส่งเป็นลักษณะม้วนกระดาษ นับว่าเป็นแนวคิดที่ดี ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสมัยใหม่ได้ดีทีเดียว
ผลงานการออกแบบของ Aleksander Mukomelov


3.Projector Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์
แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้
ผลงานการออกแบบของ Stefano Casanova

          4. Alarm Clock Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือกับนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ
แนวคิดโทรศัพท์มือถือนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ Sony Ericsson รูปทรงคล้ายนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ มองเห็นเวลาชัดเจนด้วยรูปแบบนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่น Walkman, ติดกล้องถ่ายรูป และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน
ผลงานการออกแบบของ Carl Hagerling



            5.Edge Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์หรู
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์ ที่มีแผงปุ่มกดทำจากวัสดุโปร่งใส ขนาดบาง ใช้ระบบสัมผัส เมื่อเราต้องการกดหมายเลขก็เพียงเลื่อนสไลด์แผงปุ่มที่ใสๆ ออกมาเท่านั้นเอง
ผลงานการออกแบบของ Chris Owens




Notebook  3D

และแล้วความฝันของผู้ใช้โน้ตบุ๊ค 3D ก็กลายเป็นจริงสักที เมื่อโตชิบา (Toshiba) ประกาศเปิดตัว Toshiba Qosmio F750 3D โน้ตบุ๊ครุ่นแรกของโลกที่สามารถให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ในการรับชม ภาพยนตร์จนถึงเกมส์ 3 มิติได้โดยไม่ต้องสวมใส่แว่นตาพิเศษแต่อย่างใด




          Toshiba คาดว่าโน้ตบุ๊ค Qosmio F750 3D จะสามารถวางตลาดได้ในช่วงเดือนสิงหาคม ศกนี้ โดยสนนราคาของโน้ตบุ๊ค 3D รุ่นไม่ง้อแว่นเครื่องแรกของโลกจะอยู่ที่ 2,100 เหรียญฯ หรือประมาณ 65,000 บาท โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลสามมิติขนาด 15.6 นิ้ว (ความละเอียด 1920x1280) และทำงานด้วยโพรเซสเซอร์ Intel Core i7 ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ของเครื่องก็จะมีฮาร์ดดิสก์ 640GB หน่วยความจำ DDR3 RAM 6GB การ์ดแสดงผลกราฟิกบนบอร์ดจะเป็น GeForce GT540 ของ NVIDIA ซึ่งสเป็กทั้งหมดนี้ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊คมัลติมีเดีย และเกมส์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
 


          Toshiba Qosmio F750 3D จะมาพร้อมกับหน้าจอ 3D ที่ใช้เทคโนโลยีเลนส์พิเศษทีทำให้มันสามารถสามารถแสดงภาพ 3D ได้โดยผู้ใช้ไม่ต้องสวมแว่นตา โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับการมองของสายตา (Eye-tracking) ซึ่งทำให้ผู้ชมมองเห็นเอฟเฟกต์ 3D ได้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของหน้าจอก็ตาม นอกจากนี้ Qosmio F750 3D ยังสามารถแสดงผลคอนเท็นต์ 2D และ 3D พร้อมกัน โดยผู้ใช้สามารถท่องเว็บ 2D ในบราวเซอร์ไปพร้อมกับชมคอนเท็นต์ 3D ที่กำลังแสดงผลอยู่ในอีกหน้าต่างหนึ่งได้ ในส่วนของคุณสมบัติอื่นๆ ของโน้ตบุ๊ค Toshiba Qosmio F750 3D ก็จะมีเว็บแคม ลำโพง Harmon Kardon ระบบเสียงดอลบี้ (Dolby Advacned Audio) ไดรฟ์ Blu-ray การเชื่อมต่อ Wi-Fi และพอร์ตใช้งานต่างๆ ครบครัน งานนี้คอเกมส์ หรือผู้ต้องการโน้ตบุ๊คมัลติมีเดียพลาดไม่ได้จริงๆ


วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Samsung Galaxy S III


          นี่ก็คือ สเปคอย่างเป็นทางการ ของแอนดรอยด์โฟนระดับ High-end ที่หลายๆ คนรอคอย Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) ซึ่งการออกแบบ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) นั้น คล้ายคลึงกับ Samsung Galaxy Nexus  โดยสเปคของ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3) เป็นดังนี้
           - จอแสดงผลขนาด 4.8 นิ้ว แบบ HD Super AMOLED Display ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล
           - ระบบประมวลผลแบบ Quad-core (Exynos 4 Quad) Processor ความละเอียด 1.4GHz
           - ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich
           - หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
           - หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB, 32GB และ 64GB
           - กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล
           - กล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash มีโหมดถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง 3.3 ภาพต่อวินาที
           - User Interface แบบ TouchWiz Nature UX
           - รองรับเครือข่าย 3G และ 4G LTE , Bluetooth 4.0, Wi-Fi Direct, DLNA, MHL microUSB port
           - รองรับเทคโนโลยี NFC
           - ใช้ microSIM
           - ตัวเครื่องหนา 8.6 มิลลิเมตร หนัก 133 กรัม
           - แบตเตอรี่ความจุ 2100 mAh
           - มี 2 สี ได้แก่ ขาว Marble white และ น้ำเงิน Pebble blue

การออกแบบ Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3)
          หน้าตาของ Samsung Galaxy S3 (III) คล้ายกับ Samsung Galaxy Nexus ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การออกแบบ รวมไปถึงขนาดหน้าจอ เพียงแต่ว่า Samsung Galaxy S III นั้น ยังมีปุ่ม Home แบบปุ่มกดจริงอยู่ ในขณะที่ Samsung Galaxy Nexus ไม่มี
          จากเดิม ดีไซน์ด้านหลังของ Samsung Galaxy S II นั้น จะเป็นพลาสติก ผิวขรุขระครับ แต่ Samsung Galaxy S III นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวใหม่ เป็นบอดี้แบบพลาสติกผิวมันวาวแทน ซึ่งพลาสติกบน Samsung Galaxy S3 (III) นั้น เป็นโพลีคาร์บอเนต ที่เคลือบผิวด้วย Hyperglaze ที่ผ่านขั้นตอนการเคลือบผิวด้วยเซรามิกนั่นเอง แน่นอนว่า คุณภาพนั้น ย่อมดีกว่าโพลีคาร์บอเนตอย่างแน่นอนครับ ซึ่งนอกจากจะมีน้ำหนักเบาแล้ว ยังแข็งแรงทนทานอีกด้วย
          สำหรับปุ่ม Home นั้น ยังคงเป็นปุ่มแบบ physical ซึ่งกดได้จริง ไม่ใช่ปุ่มแบบ capacitive หรือปุ่มเสมือนจริงครับ โดยการออกแบบปุ่ม Home บน Samsung Galaxy S III นั้น มีรูปร่างที่เพรียวบางกว่า Samsung Galaxy S II นอกจากนี้ ไอคอน UI นั้น ยังเป็นแบบ 5 แถว ในขณะที่ Samsung Galaxy S II มีเพียงแค่ 4 แถว นั่นเป็นเพราะ Samsung Galaxy S III นั้น มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่านั่นเอง


S Voice สั่งการด้วยเสียง
ในเมื่อ iOS มี Siri เป็นผู้ช่วยไปแล้ว ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บนสมาร์ทโฟนซัมซุงอย่าง Samsung Galaxy S 3 (III) ก็มี S Voice เป็นเลขาเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติของ S Voice นั้น สามารถสั่งให้ Samsung Galaxy S 3 (III) เปิดแกลอรี่ภาพถ่าย หรือสั่งให้กดชัตเตอร์เอง โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องสัมผัสปุ่มชัตเตอร์แต่อย่างใด
ถึงแม้ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) จะไม่มีปุ่ม Shutter มาให้ แต่ผู้ใช้งานสามารถสั่งให้ชัตเตอร์ได้ ด้วยการใช้ S Voice นั่นเองครับ ถือว่า เป็นฟังก์ชั่นที่สะดวกมากเลยทีเดียว
S Voice รองรับทั้งหมด 8 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ​(สหรัฐอเมริกา), ภาษาอังกฤษ (สหราชอาณาจักร), ภาษาอิตาลี, ภาษาเยอรมัน, ภาษาเมดิเตอร์เรเนียน, ภาษาละติน, ภาษาสเปน และภาษาเกาหลี

S Beam ส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอ
คงจะพอจำกันได้ กับฟีเจอร์ Android Beam บน Samsung Galaxy Nexus ซึ่งบน Samsung Galaxy S3 (III) นั้น ก็มีฟีเจอร์นี้เช่นกัน ซึ่งมีชื่อว่า S Beam ครับ โดยผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) สามารถส่งภาพ หรือวิดีโอ ผ่าน NFC หรือ WiFi Direct ได้ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps


Eye-tracking ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวของลูกตา
บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน จำเป็นต้องสัมผัสหน้าจอบ่อยๆ เนื่องจากหน้าจอจะดับลงถ้าหากไม่มีการสัมผัสเกินเวลาที่กำหนด แต่บน Samsung Galaxy S 3(III) นั้น มีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของลูกตา ทำให้หน้าจอ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) ไม่ปิด หรือสลัวลง ถ้าหากผู้ใช้งานยังคงมองหน้าจออยู่

Direct Call โทรออกได้ง่าย แค่ยกหู ไม่ต้องกดเบอร์
ในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังพิมพ์ข้อความส่งไปหาบุคคลที่ 3 แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากจะโทรไปหาแทน ก็ไม่ต้องกดปุ่ม หรือเบอร์โทรออกให้ยุ่งยากครับ เพราะ Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) สามารถให้ผู้ใช้งาน ทำการโทรออกได้ง่ายๆ เพียงแค่ยกแนบหู ระบบจะทำการโทรออกให้อัตโนมัติครับ

Buddy Photo Share แชร์รูปกับเพื่อนๆ ได้อย่างง่ายดาย
Samsung Galaxy S3 (III) (ซัมซุงกาแลคซี่เอส 3) มีฟีเจอร์ Buddy Photo Share สามารถจดจำ tag และแชร์รูปกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวได้ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition โดยที่ไม่ต้องนั่งกด tag ทีละรูปให้เสียเวลา

รองรับเครือข่าย 4G
เพิ่มประสิทธิภาพในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ด้วยคุณสมบัติในการรองรับเครือข่าย 4G LTE ซึ่ง Samsung Galaxy S3 (III) จะจำหน่ายทั้งรุ่นที่รองรับ 3G เพียงอย่างเดียว และรุ่นที่รองรับ 4G LTE โดย Samsung Galaxy S III รุ่นรองรับเครือข่าย 4G LTE นั้น จะวางจำหน่ายในช่วงหน้าร้อนนี้ หรือประมาณเดือนกรกฏาคมนั่นเอ